และด้วยการชอบจิบไวน์นี่เอง ทำให้อยากลองทำไวน์จิบเอง จึงหาข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง มีวิธีทำไวน์หลากหลายวิธี แต่ล้วนแล้วแต่อิงจากวิธีดั้งเดิมทั้งสิ้น ( คำว่าดั้งเดิมคือ การทำไวน์ตั้งแต่สมัยแรกเริ่มเดิมที ที่โลกยังไม่ก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์อย่างทุกวันนี้ ) จึงได้ไอเดีย และตั้งใจทำไวน์แบบดั้งเดิมไว้จิบเอง
โดยทั่วไปทุกท่านคงทราบกันดีว่า ไวน์ แบ่งโดยหลัก ๆ ได้ สองแบบ คือ ไวน์แดง ที่ผลิตจากองุ่นแดงเข้ม หรือองุ่นแดงดำ ส่วนอีกแบบคือ ไวน์ขาว ที่ผลิตจากองุ่นขาว ( ทำไมต้องเป็นองุ่น ... เพราะแรกเริ่มเดิมที ไวน์ผลิตจากองุ่น เพราะให้รสชาติที่หอม หวานกำลังดี ไม่เปรี้ยวมาก และไม่ฝาดมาก นั่นเอง ) ทั้งนี้ต้องขึ้นกับแหล่งที่ปลูกองุ่นและพันธุ์ขององุ่น ที่จะเป็นตัวแปรให้กลิ่น รสชาติ และสี ของไวน์แตกต่างกันไป ส่วนไวน์อัดก๊าซ เรามักเรียก สปาร์คลิงค์ไวน์ ที่โด่งดัง คนไทยรู้จักกันดี ก็คือ แชมเปญ ทำไมถึงชื่อแชมเปญ ? ไวน์ที่จะเรียกว่าแชมเปญได้ คือต้องใช้องุ่นที่ปลูกในเมืองแชมเปญ หรือแชมปิยอง ของฝรั่งเศส และผลิตไวน์ ที่นี่เท่านั้น ถึงจะเรียก แชมเปญ แต่ถ้าผลิตที่อื่น หรือใช้องุ่นที่ปลูกจากที่อื่นแล้วอัดก๊าซ เราจะเรียก สปาร์คลิงค์ไวน์ แล้วแยกตามยี่ห้อกันไป ....
แต่การทำไวน์ของผมคราวนี้ เราจะไม่อิงวิทยาศาสตร์มากมายนัก เพื่อให้ได้อารมณ์ของไวน์แบบดั้งเดิมกันครับ อาจจะดูบ้าน ๆ แต่นี่คือวิธีทำไวน์ของคนโบราณเค้าละครับ อิอิ
เริ่มแรก ผมไปเดินโลตัส เห็นขายองุ่นแดง ( ซึ่งไม่แดงเท่าไหร่เลย ) ราคาถูกน่าซื้อ ( กิโลกรัมละ 54 บาท ) เลยสอยมา สองกิโลกรัม ก่อนกลับบ้าน ก็แวะซื้อยีสต์สำหรับทำไวน์ มากระปุกนึง ( หากหาซื้อยีสต์สำหรับทำไวน์โดยเฉพาะไม่ได้ สามารถใช้ยีสต์แห้งที่เอาไว้ทำขนมปังก็ได้นะครับ ) พอถึงบ้านก็จัดการล้างองุ่นไม่ต้องให้สะอาดมาก แค่แช่น้ำไว้สักครึ่งชั่วโมงแล้วนำมาสะเด็ดน้ำให้แห้ง ( เพราะไม่อยากให้จุลินทรีย์ที่เกาะตามเปลือกองุ่นหายไปหมดไงครับ ) จากนั้นก็นำองุ่นมาค่อย ๆ บด ขยี้ ปู้ยี้ปู้ยำให้หนำใจ บังคับ ขืนใจองุ่นน้อย ๆ ทั้งหลายให้น้ำแตกกระจาย ( อย่าคิดลึกนะครับ ) ในสมัยก่อนเค้าจะเอาองุ่นใส่ในถังไม้ แล้วลงไปย่ำ ๆ ๆ ๆ ๆ เต้นรำในถัง ย่ำองุ่นให้น้ำแตก ... ใจผมก็อยากลองทำแบบนั้นแหล่ะ แต่หาถังไม้ไม่ได้ 555 เลยใช้ถังพลาสติก แล้วใช้สากไม้ค่อย ๆ บี้ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เอาครับ เคล็ดลับคือ ต้องเบา ๆ มือ เพื่อไม่ให้เมล็ดองุ่นแตก ไม่งั้น สารเทนนินในเมล็ดองุ่นจะทำให้ไวน์ขมครับ
เมื่อบด ขยี้ จนชุ่มน้ำแล้ว ก็นำไปชั่งครับ โดยสัดส่วนของผมที่ใช้คือ น้ำองุ่นพร้อมกากสามกิโลกรัม ต่อน้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม ต่อ ยิสต์ 2 ช้อนชา เติมน้ำอีก 3 กิโลกรัม ..... ง่าย ๆ แบบนี้แหล่ะครับ
การทำไวน์จะแยกเป็นสองขั้นตอนครับ คือการหมัก และ การบ่ม ... เราจะเริ่มที่การหมักกันก่อนเลยครับ โดยการนำน้ำองุ่นที่เราบด ๆ ๆ ๆ เมื่อกี้ ตักออกมาสัก 1 แก้ว ( เพื่อเลี้ยงยีสต์ ให้ยีสต์ปรับตัวก่อน ) แล้วเติมน้ำตาลทรายลงไป สัก 4 ช้อนโต๊ะ คนให้น้ำตาลละลาย จากนั้นนำยีสต์ 2 ช้อนชา เติมลงในไวน์แก้วนัั้นค่อย ๆ คน แล้วทิ้งไว้สักครึ่งชั่วโมงให้ยีสต์กินน้ำตาลก่อนครับ ( ผมจะเรียกของในแก้วนี้ว่า starter ละกันนะครับ ) .... ระหว่างนี้เราก็หันไปเตรียมส่วนที่เหลือ โดยนำน้ำเปล่า3 กิโลกรัมผสมกับน้ำตาลทรายที่เหลือทั้งหมด คน ๆ ๆ ให้น้ำตาลละลาย จากนั้นเติมน้ำองุ่นที่ขยี้ไว้ พร้อมทั้งเปลือก กาก องุ่น ลงไปในขวดที่เราจะใช้บ่ม คน ๆ ให้เข้ากัน
หันมาอีกที ยีสต์เริ่มกินน้ำตาลในแก้วแล้ว จัดการเท starter ลงในขวดน้ำหมักที่เราเตรียมไว้ได้เลยครับ โดยต้องอย่าให้เต็มขวดนะครับ เหลือพื้นที่ไว้ให้เกิดแรงดันด้วยครับ ไม่งั้นเดี๋ยวขวดระเบิด ( หลาย ๆ ตำราบอกว่าขวดที่ใช้หมักต้องเป็นขวดแก้วเท่านั้น แต่ผมวิเคราะห์หลายตลบแล้ว ว่าขวดพลาสติกก็สามารถใช่ได้ ) .... โดยใช้ผ้าขาวบางยัดปิดปากขวดเอาไว้ครับ .... อย่าปิดสนิทนะครับ กล่าวคือ ต้องปิดห้ามให้อากาศภายนอกเข้าในขวด แต่ต้องให้อากาศในขวดออกข้างนอกได้ ... งงมั้ยครับ 55555 ผ้าขาวบางคือคำตอบครับ จับยัด ๆ ๆ ๆ ปิดรูเอาไว้ เป็นอันใช้ได้ หลาย ๆ คนปิดขวดแน่นด้วยฝาเกลียว ไม่เกิน สามวัน ระเบิดแน่นอนครับ 55555555
เพียงเท่านี้ เราก็เสร็จเรียบร้อยสำหรับขั้นตอนการหมักแล้ว ..... หมักไว้แบบนี้ราว 2 สัปดาห์ครับ โดยให้สังเกต หากผ่านไป 24 ชั่วโมงแล้ว ถ้ายีสต์เริ่มกินน้ำตาล ( ซึ่งถูกต้องแล้ว ) ยีสต์จะคายเอททิล แอลกอฮอล์ ออกมาไงครับ .....
จะสังเกตได้คือ มีฟองปุด ๆ ๆ เหมือนเดือดปุด ๆ ๆ ๆ ลอยขึ้นมาอยู่ผิวน้ำครับ และลองดมดูที่จุกผ้าขาวบาง จะเริ่มได้กลิ่นแอลกอฮอล์ .... แบบนี้ก็ ร้อง เย้ ได้เลยครับ แสดงว่า กระบวนการหมัก สำเร็จแล้ว เพราะถ้ากระบวนการหมักไม่เกิดขึ้น ( นั่นหมายความว่า จุลินทรีย์ ชนะ ยีสต์ ) น้ำที่ได้จะแปรเปลี่ยนเป็นน้ำส้มสายชูครับ แต่ถ้ายีสต์ชนะจุลินทรีย์ มันจะกลายเป็นไวน์ครับ ง่าย ๆ แบบนี้แหล่ะ
เห็นมั้ยครับว่า ในขั้นตอนการหมัก ผมไม่ได้อาศัยหลักวิทยาศาสตร์อะไรเลย ใช้แค่การชั่ง ตวง เท่านั้นเอง ไม่ต้องวัดค่าอะไรให้วุ่นวาย
ผ่านไปสองสัปดาห์ ยีสต์จะกินน้ำตาลและคายเอททิลออกมาในระดับที่น่าพอใจ เราจะมาเริ่มขั้นตอนการบ่ม กันต่อละนะครับ
สำหรับโรงงานผลิตไวน์เพื่อการค้าใหญ่ ๆ เค้าจะพิถีพิถันในขั้นตอนนี้มาก คือต้องวัดระดับแอลกอฮอล์ที่ได้ให้อยู่ในระดับ 12%-17% เมื่อวัดได้แล้ว เค้าจะเติมสารเพื่อหยุดกระบวนการหมัก และเติมสารให้ไวน์ใส คือให้กากองุ่นตกตะกอนนั่นเองครับ เพื่อให้ไวน์ใส ๆ ๆ ๆ ปิ้ง ๆ ๆ ๆ แต่ของเราไม่ครับ
เราไม่เติมอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องใช้สารเคมีมาประกอบไวน์ที่เราจะทำไว้ดื่มเอง ( เพราะในสมัยก่อนไม่มีสารเคมีมาช่วยให้ไวน์ใส หรือหยุดการหมักของยีสต์ ) เราทำเพียงแค่กรองครับ
ใช้ผ้าขาวบางพับหลาย ๆ ชั้น เพื่อให้ตาข่ายถี่มากทีสุด แล้วเทไวน์กรองลงใส่ขวดที่ล้าง และต้มฆ่าเชื้อเรียบร้อยแล้ว ส่วนใครจะเติมสี เติมกลิ่น อะไรลงไปเพิ่ม สามารถเติมได้ในขั้นตอนนี้แหล่ะครับ เมื่อบรรจุขวดเรียบร้อยแล้ว ( หรือถ้าใครมีถังไม้ก็จะดีมากครับ เพราะกลิ่นของไม้จะแทรกซึมเข้าในเนื้อไวน์ ทำให้ไวน์มีกลิ่นหอมมากขึ้น แต่ผมไม่มีครับ เลยบ่มในขวดแก้วนี่แหล่ะ ) เราจะนำไวน์ไปพาสเจอร์ไรส์เบา ๆ เพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ครับ โดยการตั้งหม้อต้มน้ำ ไม่ต้องให้เดือดมาก ( ขั้นตอนนี้ควรมีเทอร์โมมิเตอร์ไว้วัดอุณหภูมิน้ำจะดีมากครับ ) คือ พยายามอย่าให้น้ำร้อนเกิน 65 องศาเซลเซียส เพราะถ้าความร้อนสูงเกินจะไปสลายแอลกอฮอล์น่ะครับ จากนั้นนำขวดที่เราบรรจไวน์ไว้ ลงไปวางในน้ำต้ม เพื่อฆ่าเชื้อได้เลยครับ ( อย่าปิดฝาขวดนะครับ เพราะในขวดยังมีแรงดันอยู่ ) ต้มเบา ๆ คอยจับขวดดูว่าร้อนเกินไปหรือเปล่า แค่ให้พออุ่น ๆ นะครับ ต้มเบา ๆ สักสิบนาทีก็พอแล้วครับ ยกออกจากหม้อ มาตั้งพักไว้ แล้วปิดจุกขวดทันที ผมใช้จุกยางที่ทำเลียนแบบจุกค๊อกครับ หาซื้อง่าย และปิดขวดง่ายด้วยครับ อิอิ
ทีนี้ก็นำขวดไวน์ไปหาที่บ่มครับ ที่ไหนก็ได้ ที่อากาศเย็นคงที่ ไม่ร้อน ไม่เจอแดด เป็นใช้ได้ทั้งนั้นครับ คนสมัยก่อนเค้าบ่มห้องใต้ดินไงครับ ระยะเวลาบ่ม ที่ดีคือ 1 ปีครับ จริง ๆ แล้ว สัก 3 เดือนก็นำมาเปิดชิมได้ จะเรียกว่าไวน์หวานครับ คือ ไวน์จะมีรสหวานหลงเหลือมากอยู่ครับ จิบกับมื้ออาหารค่ำใต้แสงเทียนกับคู่รัก ฮู้ยยยยยยยยยยยยยย อย่าให้เซดดดดดดด 555555
เห็นมั้ยครับ ไม่ยากเย็นอะไรเลย สำหรับการทำไวน์ ไว้ดื่มเอง ชิลเอง ทีนี้เมื่อเราทำเป็นแล้ว เราสามารถประยุกต์เพื่อให้ได้รสชาติ สี กลิ่น ของไวน์ที่แตกต่างกันออกไป โดยเลือกวัตถุดิบที่จะนำมาหมักแตกต่างกัน หรือเติมส่วนผสมอื่นเพิ่มเติมเช่นสมุนไพร หรือเครื่องเทศ ( ไวน์ตระกูลชีราส จะเน้นกลิ่นเครื่องเทศ คือเค้าจะเติมเครื่องเทศตามสูตรเค้า ในขั้นตอนการบ่มครับ ) ส่วน คาบิเนต เชอวิยอง ก็จะเป็นไวน์เบา ๆ คือแอลกอฮอล์ไม่สูงเกิน 13% มักใช้องุ่นแดงหมักผสมกับองุ่นขาว โดยเลือกพันธุ์องุ่นที่คัดสรรแล้วว่ารสขาติดีมาทำไวน์ครับ ส่วนบ้านเราผลไม้ทีมีรสเปรี้ยวอมหวาน มีอยู่มากมาย ล้วนแล้วแต่นำมาทำไวน์ได้ทั้งนั้นครับ เช่น สัปปะรด มะเกี๋ยง มะเฟือง มังคุด ทำไวน์ได้หมดครับ ใช้สัดส่วนที่บอกไป รับรอง ออกมาเป็นไวน์แน่ ๆ (ไม่กลายสภาพเป็นน้ำส้มสายชู ) อิอิอิ
ใครที่ลองทำแล้ว ได้ผลเป็นยังไง เล่าสู่กันฟังได้นะครับ .... ส่วนตัวผม ...ปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ผมมีเครื่องดื่มไว้ฉลองเรียบร้อยแล้วล่ะครับ :)
สุดยอด อยากทำค่ะๆๆๆๆ
ตอบลบลองทำดูได้ครับ สามารถใช้ผลไม้หลากหลายมาทำได้ครับ ^^
ลบพี่ครับถ้าสมมุติว่าเราอยากทราบว่าแอลกอฮอล์ในแต่ขวดไวน์มีกี่%เราจะวัตอย่างไงครับ
ลบติดต่อกลับทางไลน์หน่อยครับ ID:bignid1998
ถ้าทำไวนลูกไหนจะใช้สูตรเหมือนกันมั้ยคะ
ลบจะลองทำดูครับ แบ่งปันความรู้ชื่นชมครับ
ตอบลบขอบคุณมาก ๆ เลยครับ ^^ ยังไงลองทำดูแล้วเล่าสู่กันฟังได้นะครับ
ลบจะลองทำดู ขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบขอบคุณมากเช่นกันครับ ^^ ลองทำแล้วได้ผลยังไงเล่าสู่กันฟังได้นะครับ
ลบขอคุณครับ
ตอบลบยินดีมากเลยครับ^^
ลบสุดยอดค่ะ จะทำตอนปิดเทอมนี้แน่ๆๆค่ะ
ตอบลบทำแล้วได้ผลยังไง เล่าสู่กันฟังได้นะครับ ^^
ลบดีครับทำรับประทานเอง
ตอบลบทำเอง จิบเอง ประหยัดได้เยอะเลยครับ สนุกดีด้วย ^^
ลบอยากทำเมือนกันแต่ยีสที่ว่าในโลต้สมี
ตอบลบไม๊
น่าจะมีนะครับ เคยไปเดิน ๆ เห็นมียีสต์ที่ใช้ทำขนมปังขายอยู่ ใช้ได้เหมือนกันครับ ลองดูได้ครับ ได้ผลยังไงอย่าลืมเล่าสู่กันฟังด้วยนะครับ ^^
ลบขวดไวน์นี่ซื้อจากไหนหรอครับ แบบที่ไม่จุกปิดด้วยแบบนี้
ตอบลบหาซื้อได้ตามร้านขายบรรจุภัณฑ์ทั่วไปได้ครับ ขวดละประมาณ 12-20 บาท ส่วนจุกปิด จะเป็นแบบพลาสติกอัดแน่น เพราะเราสามารถอัดปิดเองได้ แต่ถ้าเป็นจุกไม้ค้อกแท้ เราต้องมีเครื่องอัดปิด ครับ อิอิ
ลบถ้าเทยีสต์แล้วแต่บรรจุในหม้อปิดด้วยผ้าขาวบางผ่านไปคืนนึง มันจะเป็นไรมั้ยคะ ถ้าจะเปลี่ยนจากหม้อมาใส่ขวดน้ำ10ลิตรแทน
ลบอ่านดูแล้วเข้าท่าดี จะลองทำดูครับ
ตอบลบทำครั้งแรกอาจจะดูยาก ๆ หน่อยครับ แต่จริง ๆ แล้วไม่มีอะไรยากหรือวุ่นวายเลย ลองทำดูได้เลยครับ ได้ผลยังไง เล่าสู่กันฟังได้นะครับ ^^
ลบอ่านมาอาทิตนึง วันนี้ทำแร้ว รอหมัก หายีสไวไม่ได้ได้แต่ยีสขนม ระสารทำไห้ใสคืออะไรสื้อได้ที่ไหนคับ
ตอบลบในน้ำไวน์ มีสารแขวนลอยที่ตกตะกอนได้ยากเนื่องจากมีขนาดเล็กมาก ทำให้ไวน์ไม่ใส แม้จะมองไม่เห็นเป็นตะกอนแต่น้ำไวน์จะมีลักษณะไม่ใสเป็นประกาย และหากทิ้งไว้เฉยๆ ก็ไม่สามารถทำให้สารแขวนลอยเหล่านี้ตกตะกอนได้ จึงต้องมีการเติมสารช่วยตกตะกอน (Fining agent) ลงไป เช่นเจลาติน เบนโตไนท์ หรือเคซีน เป็นต้น จากนั้นจึงปั๊มน้ำส่วนใสแยกจากตะกอนอีกครั้ง ส่วนสารเหล่านี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านเคมีภัณฑ์ ทั่วไปค้าบบ ^^
ลบดุท่าไวน์ผมคงไม่ทันสงกราน วันนี้ออกหาซื้อของทำไวน์มา ได้แป้งเหล้ามาด้วย เดียวทำน้ำขาวต่อเรย อาทิตนี้ อิๆ
ตอบลบ555555 ทำน้ำขาว ข้อสำคัญคือตอนหมักและอุปกรณ์ต้องค่อนข้างสะอาดนะคับ ไม่งั้นระวังจะท้องเสียเอาเน้ออ ^^ ทำแล้วเล่าสู่กันฟังได้นะคับ อิอิ
ลบพี่ฮะ ยีสต์ ซื้อได้ที่ไหนหรอครับ ช่วยบอกหน่อยนะฮะ ทั้งยีสต์ทำไวน์ และทำขนมปัง ครับ
ตอบลบขอโทษด้วยครับที่ตอบช้า .. พอดีเมลโดนสแปมครับ เลยล้อคอินเข้าไม่ได้ ... เรื่องการหาซื้อยีสต์ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์และวัตถุดิบทำขนมได้เลยครับ ผมอยู่เชียงใหม่ ซื้อที่ร้านหยกอินเตอร์เทรด และร้าน OVเคมีคอล ครับ แต่เคยไปเดินที่โลตัส เห็นมียีสต์ขายครับ
ลบถ้าอยากไห้ดีกรีของไวน์สูงหรือต่ำควรกำหนดยังไงครับพี่
ตอบลบในขั้นตอนการหมัก ยิ่งถ้าหมักนาน ดีกรีของไวน์จะสูงขึ้นครับ อิอิ
ลบพี่ค่ะ...ถ้าใช้ยีสต์ทำขนมปังสัดส่วนใช้เท่าเดิมไหมค่ะ ? แล้วเราจำเป็นต้องเลี้ยงยีสต์หรือเปล่าค่ะ?
ตอบลบแล้วถ้าจะเติมสารช่วยในการตกตะกอนจะเป็นช่วงไหนของการทำไวน์ดีค่ะ? รบกวนด้วยนะคะ
ใช้สัดส่วนเท่าเดิมได้ครับ แต่ควรเลี้ยงยีสต์ก่อนครับ จะรับประกันได้ว่า ยีสต์ไม่ตายตอนหมักครับ ... ถ้าจะเติมสารช่วยตกตะกอน ควรเติมหลังจากที่บ่มแล้วครับ อาจบ่มไปนาน ๆ สักเกือบปี พอจะหยุดบ่ม เพื่อบรรจุขวด ก็ค่อยเติมสารให้ตกตะกอน ก่อนบรรจุขวดครับ
ลบผมเริมทำเมื่อ 20 วันที่แล้ววันนี้ มาถึงขุันตอนบ่อมขอบอกว่าได้ผลดีมากลองชิม ๆดู รสชาตดีมาก เด๋วอีกครึ่งปี จะมาบอกว่าได้รสชาตแบบไหนผมทำ 3 อย่าง องุ่นแดง สัปรด มะไฟ
ตอบลบอิอิอิ ยินดีครับ ของผม บ่มไว้ได้ถึงตอนนี้ก็เลยหกเดือนแล้ว ลองเอามาเปิดดู โอ้วววว สีสวยมากครับ เอาลองไปให้เพื่อน ๆ ชิม เพื่อนชมกันใหญ่ครับ :)
ลบขอถามน้อยคร้บ หลังจากการหมัก เราจะทิ้งไหวในถังหมักแบบนั้นเลยได้ไมครับ แล้ว มันจะเสี่ยงเกีดไรขื้นบางครับ ขอบคุณ
ตอบลบผมอยากทำไวน์ที่บมนานๆ 7-10 เค้าก่อทำแบบนี้เหมือนกันใชไมครับ
ตอบลบนี่ผมจะทำโครงงานน่ะช่วยบอกให้ละเอียดหน่อยครับเอาแบบยิบเลย
ตอบลบ2 หรือ 3 กิโล ครับ น้ำองุ่นพร้อมกาก เห็นซื้อมา 2 กิโล
ตอบลบที่ว่าใส่ยีสต์ในแก้วใส่ไปเท่าไหร่คะ ???
ตอบลบถ้าใช้ยีสต์ที่ทำขนมปัง กะยีสต์ทำไวน์ รสชาติที่ได้จะแตกต่างกันไหมค่ะเนี้ย อีกอย่างการใสขวด ที่ใช้ไม้ค้อกหรือยางอ่ัค่ะ ขั้นตอนนี้คือเราต้องปิดสนิทมากๆๆๆๆเลยหรอ ? รบกวนตตอบด้วยนะคร่า
ตอบลบทำดื่มนี่ทำได้ แต่อยากไว้ขาย TT
ลองหมักได้ 15 วันแล้ว...
ตอบลบจิบดู 2 จิบเล็กๆ ...ยอดไปเลย ดีกว่าที่คิด... ขอบคุณเจ้าของตำหรับ ครับผ๊ม
ใช้ยีสอะไรทำครับ
ลบใช้ยีสอะไรทำครับ
ลบเม็ดองุ่นนี่ต้องเอาออกก่อนไหม..หรือว่าขยี้ไปเลย !!
ตอบลบหมักไว้2อาทิตย์ ก่อนที่จะนำไปต้มลองชิมดูมันไม่ไม่หวานล่ะครับ
ตอบลบหมักไว้ 2 สัปดาห์ แล้วดื่มได้เลยมั้ยคะถ้าไม่บ่ม แล้วสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นนานมั้ยคะ กลัวไม่ทันปีใหม่ค่ะ
ตอบลบเรามาสามารถใส่เชอร์รี่ลงไปผสมได้ด้วยมั้ยค่ะ
ตอบลบพีี่ครับ..หลังจากต้มเสร็จต้องรอให้เย็นค่อยปิดฝาใช่เปล่าครับ
ตอบลบใช้ยีสต์ที่ทำข้าวหมากหวานได้เปล่า
ตอบลบเวลาบ่มเทยีสรวมกับองุ่นหรือเปล่าครับ
ตอบลบเเล้วจำเปนมั้ยคราฟที่ต้องเปนองุ่นเเดง องุ่นอย่างอื่นเเทนได้มั้ย เเล้วตอนบรรจุขวดจำเปนมั้ยคราฟที่ฝาขวดต้องเปนเเบบจุก เปนเเบบฝาเกียวเเทนได้มั้ยคราฟ
ตอบลบเยี่ยมเลยครับ
ตอบลบถ้าใช้ถังไม้โอ๊คขนาน1ลิตร เป็นถังbarrel ในการหมักได้รึป่าวครับ
ตอบลบถ้าใช้ถังไม้โอ๊คขนาน1ลิตร เป็นถังbarrel ในการหมักได้รึป่าวครับ
ตอบลบจะลองทำให้รถกิน
ตอบลบเมาไม่ขับ
ขอบคุณครับ
จะลองทำให้รถกิน
ตอบลบเมาไม่ขับ
ขอบคุณครับ
ลองทำแล้ววั้นนี้ใส่ขวดเด้ะไงมาเล่าให้ฟังค่ะ เบื้องต้นโอเคมากแค่ขุ่นไป
ตอบลบขอบคุณที่ให้ความรุ้ค่ะ^^
จำหน่าย ยีสต์หมักไวน์ Lalvin นำเข้าจากแคนาดา
ตอบลบLalvin EC-1118
Lalvin 71B-1122
Lalvin K1V-1116
ซองละ 100 บาท
พร้อมส่งทุกสูตรค่ะ
ติดต่อ
0894112577
Line @eateatcheese
Faceboog page : Eat Eat cheese
จำหน่าย ยีสต์หมักไวน์ Lalvin นำเข้าจากแคนาดา
ตอบลบLalvin EC-1118
Lalvin 71B-1122
Lalvin K1V-1116
ซองละ 100 บาท
พร้อมส่งทุกสูตรค่ะ
ติดต่อ
0894112577
Line @eateatcheese
Faceboog page : Eat Eat cheese
ผมมีคำถาม ผมทำแยกเป็นขวดเล็ก(เล็กจริงๆ)เเล้วพอหมักเสร็จมันเปรี้ยวครับ เเต่ตอนหมักมันมีฟองขึ้นนะ สรุปว่ามันเสียหรือเปล่าครับ จะได้ไม่ป่มต่อ
ตอบลบได้ทำไวน์มะเฟืองตามที่แนะนำ ขั้นตอนหมัก2อาทิตยืกับ2วัน หลังจากนั้น ทำการกรอง น้ำไวน์จะออกมาสีเหลืองนวน มีกลิ่นมะเฟืองอ่อนๆแต่รสชาติเข้มข้นเหมือนกับไวน์ทั่วๆไป ไม่หวานอย่างที่คิด ทำการบรรจุขวด ได้6ขวด วันนี้ 29/01/62 ทำการบ่ม กะว่าประมาณ3 เดือนจะ ลองชิมว่ารสชาติจะเป็นเช่นไร วันนี้ลองจิบไปประมาณครึ่งแก้ว ก็มึนแระ ฮ่า ฮ่า ยีสเขาดีจริงๆ ยีส (RED STAR Premier Cot^e des Blance )
ตอบลบก่อนทำการบรรจุขวด ได้ทำการพาสเจอร์ไรส์ ตามที่แนะนำ ที่อุณหภูมิ60-63 องศา ใช้จุกไวน์(จุกยางากเมืองจีน) ปิดฝา
ตอบลบhttps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10156474473176305&id=727671304
ตอบลบhttps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10156469998661305&id=727671304
ตอบลบขอบคุณข้อมูลดีๆนะคะ
ตอบลบตอนนี้มีมะม่วงหาวอยู่ค่ะจะทำรวมกับผลไม้อื่นได้ป่าวค่ะ
ขอบคุณคับระเอียดมากเลยจะรองทำดูนะคับสุดยอดขอบพระคุณมากคับ
ตอบลบเเเล้วถ้าเราหมักไป17วันเเล้วเริ่มตกตะกอนคือไวน์บูดหรือเปล่าค่ะเเต่กล่นแอลกอฮอล์เเรงมากค่ะ
ตอบลบตอนนี้หมักไวน์แอ๊ปเปิ้ลได้17วัน เเละทำการ บรรจุลงถังน้ำ 6ลิตร เเต่คอยสังเกตุดูทุกวันว่าน้ำไวน์ที่บรรจุลงถังเป็นฟองเล็กเหมือนกรดในน้ำอัดลมทำปฏิกิริยาอยู่ตลอด นั่นเเสดงว่าไวน์เราเสียหรือเปล่า หรือว่าเป็สัญญาณของอะไรหรือเปล่าคะ เเละไวน์มีรสดีเเต่เเอลกอฮอล์เเรงมากค่ะ
ตอบลบสูตรนี้ใช้ทำไวน์มะเฟืองได้ดีจริงครับ ทำมา2ครั้งแล้วครับ ได้ไวท์ที่รสชาติที่เป็นไวน์จริง มีรสฝาดแบบไวน์ พอจิบไปลงคอได้กลิ่นมะเฟืองอ่อนๆ ไม่ใช่ได้น้ำส้มสายชู ฮ่า ฮ่า ส่วนยีสก็สั่ง online ตามท่านแนะนำ ชุดแรกปีที่แล้วเหลือ2 ขวด บ่มได้1 ปีรสชาติก็ยังโอเคอยู่นะ แต่สีจะเข้มขึ้นนิดนึง วันนี้ทำอีก7ขวด (1สูตรที่แนะนำจะได้ 7 ขวดเหลือให้ชิมเล็กน้อย ขอบุณเจ้าของสูตรครับ
ตอบลบขอบคุณที่แบ่งปันความรู้..
ตอบลบ