วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ซักผ้าหน้าฝน

       

           "ย่างเข้าเดือนห๊ก ฝ่นก่อต๊กพรำ ๆ กบมันก็ร้องงึมงำ ระคนไปทั่วท้องนา" .. ร้องเพลงนี้จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรมากมายกับเรื่องราวที่จะบอกเล่าให้ฟังในครานี้เท่าไหร่นะครับ :) แค่เห็นว่าเข้ากับบรรยากาศ ณ บัดนาว ดีทีเดียว ... เพราะหลายวันแล้วที่บ้านเรา (เชียงใหม่ซิตี้) ชุ่มฉ่ำและเจิงนองไปด้วยสายฝน ท้องฟ้ามืดครึ้ม อากาศเย็นสบาย ( แต่บางวันก็ร้อนระอุเหมือนเช่นเคย ) วันไหนแดดไม่มี ก็อากาศเป็นใจน่าให้ทำ....อะไรหลาย ๆ อย่าง ส่วนวันไหนแดดออก ก็ต้องรีบขนผ้าซัก เพราะกลัวแดดหายก่อนผ้าแห้ง แล้วเสื้อผ้าจะเหม็นอับ ...

          นี่แหล่ะครับ เลยเป็นแนวคิดให้เขียนเรื่องนี้ .... !!! คือการซักผ้าหน้าฝนนี่แหล่ะ ทำไงไม่ให้มีกลิ่นอับ เพราะสังเกตเห็นว่าหลาย ๆ ท่านบ่นอุบอิบกันในสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์คยอดฮิต กันหลาย ๆ ท่านถึงเรื่องกลิ่นอันไม่ค่อยน่าอภิรมย์ของเสื้อผ้า ทั้งของตัวเอง และของผู้อื่น เวลาที่อยู่ใกล้ ๆ กัน ... เรียกได้ว่า อาจถึงขึ้นหมดมู๊ดกันเลยทีเดียว ถ้าต้องตระกองกอดคนรักพร้อม ๆ กับกลิ่นเสื้อผ้าที่สุดแสนจะทรมานรูตะหมูก คิคิ

          เคล็ดลับที่ผมเองใช้เป็นประจำเมื่อย่างเข้าเดือนห๊ก เพื่อลดกลิ่นอับของเสื้อผ้า ก็ง่าย ๆ ครับ ... ก่อนอื่นเรามารู้กันสักนิดก่อนนะครับ ว่า กลิ่นอับมันเกิดจากอะไรกันแน่น๊อ .... กลิ่นอับที่ติดเสื้อผ้าเราหลังซัก คือ แบคทีเรียครับ พวกนี้เติบโตได้ง่ายเมื่อเสื้อผ้าของเรายังคงมีความชื้น (อันเนื่องมาจากความชื้นในอากาศสูง หรือ เสื้อผ้าเราชุ่มโชกอยู่เป็นประจำ ) เจ้าแบคทีเรียพวกนี้ก็มาจากตัวเรานี่แหล่ะครับ จากเหงื่อไคล ขี้ไคล ขี้ฉัน ขี้เธอ ผสมปนเปกับแบคทีเรียที่ลอยละล่องทั่วไปในอากาศอีก ผสมเจ้าพวกฝุ่นควัน ละอองมลพิษ ทำให้เจ้าพวกนี้ เกาะตามเสื้อผ้าที่เราใส่ได้อย่างง่ายดาย รอวันเจริญเติบโต ขยายตัว แบ่งตัว ส่งกลิ่น ตลบอบอวลให้เราได้ยี้กัน 

          เมื่อเราทราบแล้ว ว่ากลิ่น มาจากแบคทีเรีย .... ตรรกะ ก็ไม่ยุ่งยากแล้วครับ กำจัดแบคทีเรียได้ เสื้อผ้าเราก็ลดกลิ่นได ... เย้ ๆ   ง่ายดีทีเดียว ... โดยส่วนตัว ผมขอยกให้ เจ้า "ไฮเตอร์" เป็นราชาของการกำจัดแบคทีเรียครับ ( ไม่ได้ค่าโฆษณาเลยนะนี่ ) และให้เจ้า " เดตตอล " เป็นราชินีเคียงคู่ราชา ( นี่ก็ไม่ได้ค่าโฆษณาอีกนั่นแหล่ะ ) ..... และยังให้เจ้า "โซเดียมไบคาร์บอเนต หรือ ที่เรา ๆ เรียกกันว่า เบคกิ้งโซดา และ น้ำส้มสายชูหมัก ย้ำนะครับว่าต้องน้ำส้มสายชูหมักเท่านั้น  ถ้าเป็นประเภทกลั่น จะค่อนข้างรุนแรงต่อเนื้อผ้าน่ะครับ ทั้งสองอย่างนี้ เป็นลูกชายและลูกสาวของ คิง และ ควีน ในการกำจัดกลิ่นครับ

          เพราะทั้ง คิง และ ควีน ต่างมีประสิทธิภาพในการทำลายล้างแบคทีเรียได้อย่างดีเยี่ยมครับ วิธีการก็คือ ทุกครั้งที่เราซักผ้า หลังจากเติมผงซักฟอกแล้ว ให้เติม คิง หรือ ควีน ลงไปด้วยนิดหน่อย ประมาณ 10-15 มิลลิลิตร จากนั้นก็ซักไปตามปกติครับ   แต่ถ้าใครนิยมชมชอบแนว เนเชอรัลหน่อย ก็แนะนำให้ใช้ ลูกชายและลูกสาวผสมกัน สัดส่วนโดยประมาณคือ น้ำส้มสายชูหมัก 10-15 มิลลิลิตร ตามด้วย โซเดียมไบคาร์บอเนต 1 ช้อนชา ในลงในถังซัก หลังจากใส่ผงซักฟอกแล้ว จากนั้นก็ซักตามปกติ ( อย่าเอาโซเดียมไบคาร์บอเนต ผสมกับน้ำส้มสายชูหมักโดยตรง ก่อนเทลงถังซักนะครับ ไม่งั้นได้เช็ดฟองฟู่กันทั่วแน่ ๆ ๆ ) เด็ก ๆ สายวิทย์ จะเข้าใจดีว่า สองตัวนี่มาเจอกันเมื่อไหร่ ฟองจะฟู่ ๆ ๆ ๆ  น่าดูชม จนทำภูเขาไฟจากเบคกี้งโซดาเล่นได้เลย 

          เมื่อเรามี คิง ควีน ซัน และ ดอเธอร์ แล้ว ..... วายร้ายที่ช่วยเร่งทำให้เกิดกลิ่น ก็คือ "น้ำยาปรับผ้านุ่ม" ครับ .... เจ้านี้ร้ายนักเวลาแดดไม่มี (แต่ถ้าแดดแรง ๆ ผ้าจะหอมครับ ) เพราะน้ำหอมในน้ำยาปรับผ้านุ่ม จะเปลี่ยนเป็นน้ำเหม็นทันทีเมื่อตากผ้าโดยไม่มีแดด ฉะนั้น ถ้าจะซักผ้าในวันไม่มีแดด หรือต้องการซักผ้าตอนกลางคืน .. ท่องไว้เลยครับว่า "ห้ามใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม"  

          ส่วนใครที่บ้านเปิดแอร์หึ่ง ๆ ตอนกลางคืนอยู่ตลอดเวลา ..แนะนำอีกนิดครับว่า ซักผ้าแล้ว เอาไปตาก ผึ่ง ไว้ในห้องแอร์เลยครับ ตื่นเช้ามาผ้าแห้งแน่นอน ( ผมทำประจำเวลาต้องไปอยู่โรงแรมครับ ขนาดยีนส์ยังแห้งเลย ) อธิบายได้ง่าย ๆ ครับ คือ แอร์จะดูดความชื้นไปนั่นเอง ... เหมือนกันกับเวลาที่เราอยู่ในห้องแอร์นาน ๆ แล้วรู้สึกริมฝีปากแห้ง ผิวแห้ง นั่นแหล่ะครับ 

          ทีนี้ จะซักผ้าหน้าไหนก็สบายใจได้เรื่องกลิ่นอับแล้วละครับ ......... 

          
          แต่ถ้าบ้านใครมีเครื่องอบผ้าแห้ง....... !!!!    ข้ามบทความนี้ไปได้เลยนะครับ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ  




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น